ดึงหน้า การดึงหน้าคืออะไร ?
การดึง หน้า คือ การตัดหนังที่เหี่ยวย่นออกไปเพื่อให้ผิวหน้าตึงขึ้น ซึ่งผิวที่เหี่ยวย่นนั้นเกิดจากอายุที่มากขึ้น, กรรมพันธุ์, หรือสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของผิวเมื่อมีอายุจะต่างกันแล้วแต่เนื้อเยื่อ และการดูแลผิวพรรณของแต่ละคนด้วย ใบหน้าก็เช่นกันจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ดูอายุมากขึ้นใน 2 ส่วน
1. การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง จะเกิดรอยย่น เกิดการหย่อนยานของผิวหนังและเกิดจุดด่างดำขึ้นที่ใบหน้า
2. การเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง โดยเนื้อบริเวณแก้มจะเคลื่อนลงล่างทำให้ร่องแก้มชิดขึ้น เกิดการหย่อนของเนื้อเยื่อใต้ต่อกราม และการหย่อนของกล้ามเนื้อที่คอ
การดึงหน้านอกจากจะทำให้ผิวหน้าของคุณดีขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างความมั่นใจในตัวเองได้อีกด้วย
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
สระผมตอนเช้าก่อนผ่าตัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ผู้ที่มีความดันสูงต้องควบคุมให้ปกติก่อนผ่าตัด 2 สัปดาห์ งดสูบบุหรี่ และงดยาแอสไพริน 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด สำหรับผู้ที่จะวางยาสลบต้องงดน้ำ งดอาหารก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
การผ่าตัด
ทำได้ทั้งการวางยาสลบ หรือฉีดยาชาเฉพาะที่ ขึ้นกับความต้องการของคนไข้ และดุลยพินิจของแพทย์ ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 2 ชั่วโมง จะมีแผลผ่าตัดที่หนังศีรษะเหนือต่อหู บริเวณหน้าหูและหลังหู โดยหลังจากแผลหายแล้วรอยแผลจะมีน้อย ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็นรอยแผล หลังผ่าตัดต้องนอนโรงพยาบาล 1 วัน สามารถไปทำงานได้หลังผ่าตัด 10 วัน ถ้ามีไขมันใต้คางมากสามารถดูดหรือตัดไขมันใต้คางร่วมกับการผ่าตัดดึงหน้า ได้ ดึงหน้า.
ดึงหน้า การดูแลหลังผ่าตัด
1. นอนยกศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม
2. สระผมได้หลังผ่าตัดแล้ว 2 วัน
3. ตัดไหมหลังผ่าตัดแล้ว 5 – 7 วัน ขณะนี้มีการดึงหน้าเทคนิคใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการดึงหน้าในชั้นใต้ผิวหนังที่เรียกว่า SMAS (SUPERFICIAL MUSCULO-APONEUROTIC SUSTEM) ซึ่งเป็นการดึงหน้าที่เหมาะกับใบหน้าของชาวเอเชีย (ORIENTAL FACE) เนื่องจากเป็นการดึงชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ไม่ต้องตัดผิวหนังมาก ผลก็คือทำให้อาการบวมเจ็บช้ำน้อยกว่าวิธีผ่าตัดแบบเดิม ๆ และรอยแผลน้อยกว่าเดิม
ซึ่งโดยเทคนิคนี้คนไข้สามารถจะทำผ่าตัดพักฟื้นที่ โรงพยาบาลเพียง 1 – 2 วัน หรือกลับบ้านได้เลย และบวมเพียงเล็กน้อย สามารถกลับไปทำงานภายในระยะเวลาแค่ 1 สัปดาห์
การผ่าตัดดึงหน้าซ้ำ
เมื่ออายุมากขึ้นใบหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยผิวหนังจะมีรอยย่น ร่องแก้มลึกขึ้น และกระพุ้งแก้มจะห้อยต่ำลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะทำให้ดีขึ้นได้โดยการผ่าตัดดึงหน้า อย่างไรก็ตามหลังผ่าตัดเมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ การเปลี่ยนแปลงดังที่กล่าวมาแล้วก็ยังคงมีอยู่ โดยที่ผู้ที่มีอายุน้อยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช้ากว่าผู้ที่มีอายุมาก ดังนั้นบางรายหลังการผ่าตัดดึงหน้าครั้งแรกแล้ว 5 – 10 ปี อาจต้องการผ่าตัดอีกเป็นครั้งที่สองหรือที่สาม
การผ่าตัดดึงหน้าครั้งที่ สองจะมีแผลที่เดิมที่เคยผ่าตัดครั้งแรก แต่ในรายละเอียดจะแตกต่างกันบ้าง โดยการผ่าตัดจะยากกว่าครั้งแรก เนื่องจากมีผังผืดเกิดขึ้น หลังการผ่าตัดครั้งแรก และชั้นของไขมันที่ใบหน้าจะบางลง โดยเฉพาะการผ่าตัดดึงหน้าครั้งที่สองภายใน 1 ปี ไปแล้ว
การผ่าตัดดึงหน้า ครั้งที่สองมักเป็นผู้ที่มีอายุมาก ดังนั้นก่อนผ่าตัด ต้องเตรียมตัวมากกว่าปกติ โดยผู้ที่มีความดันโลหิตสูง, เป็นเบาหวาน หรือเป็นกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จะต้องคุมโรคเหล่านี้ให้ดีก่อนผ่าตัด
ส่วน การดูแลหลังผ่าตัดก็ไม่แตกต่างจากการผ่าตัดครั้งแรก เช่น นอนยกศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม, สระผมได้หลังผ่าตัด 2 วัน, ตัดไหมหลังผ่าตัด 5 – 7 วัน
สรุปแล้วการผ่าตัดดึงหน้าครั้งที่ 2 หรือ 3 สามารถทำได้โดยผลที่ได้และความปลอดภัยจะใกล้เคียงกับการผ่าตัดครั้งแรก
ริ้วรอยที่หน้าผากเรามีได้ยังไง คุณสงสัยบ้างไหม ?
ปกติที่หน้าผากเราจะมีกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง ทำหน้าที่ย่นหน้าผาก เลิกคิ้ว หรือขมวดคิ้ว ดังนั้นผลจากการหดตัวของกล้ามเนื้อเพื่อทำหน้าที่ดังกล่าวนาน ๆ เข้าก็เกิดเป็นริ้วรอยดังกล่าว การแก้ไขริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ได้แก่ การผ่าตัดดึงหน้าผาก โดยจะฉีดยาชาหรือวางยาให้หลับแล้วใช้มีดกรีดหลังต่อแนวไรผม แล้วเลาะใต้ชั้นผิวหนังและกล้ามเนื้อตลอดหน้าผาก เสร็จแล้วก็ตัดกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ดังกล่าวออกไปบางส่วน เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เพื่อไม่ให้เกิดริ้วรอยอีก เสร็จแล้วก็ดึงผิวหนังให้ตึง ตัดผิวหนังส่วนเกินแล้วเย็บปิดแผล
ใน ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการผ่าตัด คือ การผ่าตัดโดยใช้กล้องช่วย โดยเราจะเจาะรูเล็ก ๆ 4 – 5 รู และสอดกล้องเข้าไปใต้แผล เพื่อช่วยมองว่าแพทย์จะเลาะไปถึงบริเวณไหน เพราะต้องระวังเส้นประสาท แล้วก็ดึงผิวหนังที่หย่อนให้ตึง โดยมีแผลเล็ก ๆ เท่านั้น ซึ่งการปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัดจะเหมือนกับการผ่าตัดดึงหน้า
เปลือกตาหย่อนและรอยตีนกา
การทำการผ่าตัดแก้ไขตีนกา
เริ่มด้วยหลังจากคุณให้ศัลยแพทย์ประเมินดูความหย่อนมากน้อยของผิวหนังและ ริ้วรอยแล้ว แพทย์ก็จะให้คุณทานยาลดความกังวล รวมทั้งอาจจะทำให้ง่วงได้บ้าง เสร็จแล้วก็ฉีดยาชาที่ผิวหนังขมับใกล้ ๆ กับไรผม นั่นแปลว่าหลังผ่าตัดเสร็จแผลคุณก็จะมีผมบังคุณไม่มีใครเห็นริ้วรอยการทำ แล้วแพทย์ก็จะกรีดเป็นรอยแผลเล็ก ๆ ยาวประมาณ 3 – 4 เซนติเมตร แล้วก็จัดการดึงผิวหนัง กล้ามเนื้อที่มันหย่อนให้ตึงขึ้น โดยการตัดแล้วก็เย็บ แล้วก็เย็บปิดแผล ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ประมาณไม่เกิน 1 ชั่วโมง แล้วคุณก็กลับไปนอนพักที่บ้านได้ แต่จะมีอาการบวมช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ทำผ่าตัด ซึ่งจะยุบบวมเข้าสู่ปกติประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ กรณีที่คุณกลัวการผ่าตัดแต่ก็ยังอยากทำ แพทย์ก็อาจใช้วิธีการวางยาให้คุณหลับไปก่อนจะทำก็ได้ ซึ่งกรณีนี้คุณอาจจะต้องนอนพักให้ตื่นดี ๆ ในโรงพยาบาลก่อนซัก 1 – 2 วัน ดึงหน้า.